หน่วยที่ 7
การลงทุนในสินทรัพย์อื่นและการลงทุนทางธุรกิจ
สาระสำคัญ
นักลงทุนส่วนใหญ่มักมองข้ามความสำคัญของการลงทุนในสินทรัพย์อื่นตามความเป็นจริงสินทรัพย์บางประเภท เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ สิ่งของสะสม
มักมีการเพิ่มมูลค่าจากการลงทุนได้ในระยะยาว ถ้ามีหลักการลงทุนที่ถูกต้องสามารถเกิดผลตอบแทนได้และเกิดประโยชน์แก่ผู้ลงทุน
นอกจากนี้
การลงทุนทางธุรกิจจัดว่ามีความน่าสนใจของผู้ลงทุนที่มีความคิดอยากเป็นผู้ประกอบการในการเริ่มต้นธุรกิจของตนเองจากเงินออมเพื่อให้เกิดความมั่นคงและเกิดผลกำไรตอบแทนตลอดจนสามารถลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ได้เมื่อต้องการ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่า
-อันดับ 1 บ้านและที่อยู่อาศัย
-อันดับ 2 รถยนต์
-อันดับ 3 ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย
เพื่อให้เช่า
-อันดับ 4อัญมณี เครื่องประดับ งานศิลปะ ของสะสม
โบราณวัตถุการลงทุนเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
ประโยชน์ของการลงทุน
-มีความปลอดภัยมากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น
-สามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินทั้งจำนวนตามสัญญา หลักเกณฑ์การลงทุน
-สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยตรงและมีความสุข
-ต้องไม่ได้รับผลกระทบจากภาวการณ์ซื้อขายในตลาด
-นำมาหารายได้หรือเก็งกำไรจากการลงทุนครั้งต่อไปได้การลงทุนเกี่ยวกับรถยนต์
โทรศัพท์มือถือ เครื่องเสียง
หลักเกณฑ์การพิจารณาการลงทุน
วัตถุประสงค์การซื้อขาย
-เพื่อทำธุรกิจ สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นสินทรัพย์เหล่านี้ต้องเกิดมูลค่าเพิ่ม
เมื่อขาย –กำไรส่วนเกินทุน
หลักเกณฑ์การลงทุน
วัตถุประสงค์ของการซื้อสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อมาหักภาษีได้
-ค่าเสื่อมราคา /ค่าบำรุงรักษาพิจารณามูลค่าสุทธิ(ราคาทุน -
ค่าเสื่อมราคา)ที่คาดว่าจะขายได้ราคาต่ำกว่าราคาซื้อขายครั้งแรกการลงทุนเกี่ยวกับที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ การพิจารณาการลงทุนเป็นการเก็งกำไร
-เมื่อสินทรัพย์มีราคาสูงขึ้นต้องคำนึงถึงภาวะทางเศรษฐกิจ มีผลต่อราคาของ
อสังหาริมทรัพย์ควรจำกัดการลงทุน 10 – 15% ของสินทรัพย์สุทธิ –ความเสี่ยงน้อย
หลักเกณฑ์การลงทุน
1.
พิจารณาสภาพคล่องของอสังหาริมทรัพย์-สภาพคล่องต่ำ
ไม่สามารถขายในเวลาและราคาที่ต้องการ
2.
ไม่ควรลงทุนด้วยเงินหมุนเวียนทั้งหมด
3.
ควรให้ความสำคัญเรื่องการเกิดผลตอบแทน - การสร้างรายได้
4.
ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนไว้สำรองภาษี – การซื้อที่ดินว่างเปล่า
การลงทุนเกี่ยวกับทองคำ
อัญมณี เครื่องประดับและเครื่องสะสมการพิจารณาการลงทุน
-ต้นทุนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง ทำให้ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ(ภาพเขียน พระเครื่อง โบราณวัตถุ)
-ต้นทุนในการดูแลรักษาต่ำ แต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป(ทองคำ อัญมณี เครื่องประดับ)
หลักเกณฑ์การพิจารณาการลงทุน
1.
ควรคำนึงถึงต้นทุนในการลงทุนที่จะต้องจ่ายเพิ่ม
-ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
2.
ควรให้เกิดผลตอบแทนสูง -การลงทุนและขายเพื่อทำกำไร
/การซื้อและการถือครองการลงทุนเป็นผู้ประกอบการสำรวจความเป็นไปได้ของธุรกิจใหม่
-รายได้จากธุรกิจใหม่
-เงินทุนที่ต้องการ
-ค่าใช้จ่ายต่างๆ
ปัจจัยความสำเร็จของผู้ประกอบการ
-ตัวผู้ประกอบการ
-ธุรกิจที่จะทำ
-สภาพแวดล้อม
ปัจจัยความสำเร็จของผู้ประกอบการตัวผู้ประกอบการ
1.มีความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจอย่างดี
2.มีความพร้อมที่จะเริ่มต้นธุรกิจ - มีแผนธุรกิจ
3.มีลูกค้ารองรับ - มีช่องทางเปิดตัวธุรกิจ
4.มีความพร้อมของเงินทุน
-เงินออมและเงินสะสมส่วนตัว
-แหล่งเงินทุนจากผู้ร่วมลงทุน
-แหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน
-บริษัทร่วมลงทุน Venture Capital /
V.C.
ปัจจัยความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจที่จะทำมีความแปลกใหม่(Innovation) ความเหนือกว่าสินค้าที่มีอยู่ทั่วๆไป(คุณภาพ
การใช้งาน รูปแบบ)ตรงใจลูกค้า(Niche) - ตรงความต้องการของลูกค้า
*ด้านการตลาด: สินค้าหรือบริการตรงกลุ่มลูกค้า เป้าหมาย
*ด้านความต้องการ/รสนิยม : สร้างความพึงพอใจ
*ด้านราคา : ตั้งราคาสูงกว่าราคาตลาดโดยลูกค้ายินดีจ่ายการสร้างเครือข่าย(Network)
- การหาพันธมิตรทางธุรกิจ(การรับช่วงงาน
การรับเหมางาน การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนการเป็นแหล่งสนับสนุนวัตถุดิบและสินค้า)ปัจจัยความสำเร็จของผู้ประกอบการสภาพแวดล้อมโอกาสทางธุรกิจ
-โอกาสต่างๆที่เสริมให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
*ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการ
*ความนิยมของตลาด
*ทิศทางของการตลาดที่สร้างความได้เปรียบแก่ สินค้า / บริการการสนับสนุนทางธุรกิจ
-มีแหล่งเงินทุนรองรับการให้ความช่วยเหลือด้านความรู้ ทางธุรกิจ การสนับสนุน
จากภาครัฐ และการบริหารจัดการภาวะแข่งขัน (ความรุนแรงของการแข่งขัน
จำนวนคู่แข่งขัน)ความพร้อมที่จะใช้กลยุทธ์ต่อสู้การแข่งขัน
หลักการลงทุนเพื่อทำธุรกิจของตนเอง
1. การลงทุนด้วยเงินออมต้องคำนึงถึงเงินทุนในส่วนของเจ้าของที่เปลี่ยนแปลงไปตามผลกำไรหรือขาดทุนจากการทำธุรกิจ
*ส่วนของเจ้าของลด - ขาดทุน
*ส่วนของเจ้าของเพิ่ม -กำไร
2. การลงทุนโดยการกู้ยืมหรือเงินกู้
ต้องพิจารณา
-
ต้นทุนของการลงทุน (ภาระดอกเบี้ย)
3. การลงทุนด้วยการร่วมลงทุน
ต้องพิจารณา
-ผลตอบแทนที่จะคืน ให้กับเจ้าของเงินทุน ของกิจการ (ส่วนแบ่งผลกำไร)ความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจอื่น
1.
มีฐานะทางการเงินมั่นคง
2.
มีความสามารถในการทำกำไร
3.
มีสภาพคล่องทางธุรกิจดี
การลงทุนในธุรกิจอื่น
1.
ศึกษาและวิเคราะห์โครงการที่จะลงทุน
2.
ประมาณการทางการเงินเพื่อประกอบการตัดสินใจ
3.
พิจารณาความพร้อมด้านเงินทุน
4.
ศึกษาผลตอบแทนและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
5.
ติดตามความเคลื่อนไหว/ฐานะการเงิน/ผลการดำเนินงานของธุรกิจที่ต้องการลงทุน
การวิเคราะห์การเงินและความสามารถทำกำไรของธุรกิจที่ลงทุน
-การวิเคราะห์สภาพคล่อง
-การวิเคราะห์ความสามารถทำกำไร
-การวิเคราะห์ผลตอบแทน ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
การวิเคราะห์สภาพคล่อง
1.พิจารณาทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องกับหนี้สินระยะสั้นในการเปรียบเทียบ
2.พิจารณาการแปลงสภาพเป็นเงินสดได้เร็วของทรัพย์สินอัตราส่วนทุนหมุนเวียน(Current
Ratio) = สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียนอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว(Quick
Acid Test Radio) = สินทรัพย์หมุนเวียน – สินค้าคงเหลือ/หนี้สินหมุนเวียน
การวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร
ธุรกิจอื่นสามารถสร้างกำไรได้เพียงพอกับการลงทุนในสินทรัพย์ของธุรกิจเป้าหมายการวิเคราะห์พิจารณากำไรจากการดำเนินงาน
1.อัตราส่วนผลตอบแทนจากการดำเนินงานต่อการลงทุน(OIROL)=
กำไรจากการดำเนินงาน/ทรัพย์สินรวมถ้าผลลัพธ์อัตราส่วนที่ได้ >ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม = ได้รับกำไรจากการลงทุนมาก
หรือ OIROL = (กำไรจากการดำเนินงาน/ยอดขาย ) X( ยอดขาย/ทรัพย์สินรวม)
2.อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขาย
= กำไรจากการดำเนินงาน/ยอดขาย
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออัตรากำไรจากการดำเนินงาน
-
จำนวนหน่วยของสินค้าที่ขาย
-
ราคาขายเฉลี่ย
-
ต้นทุนการผลิตสินค้า/ต้นทุนการซื้อสินค้า
-
ความสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายบริหาร
-
ความสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาด/ค่าใช้จ่ายจัดจำหน่ายสินค้า
3. อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย
= กำไรจากการดำเนินงาน/ดอกเบี้ยจ่ายถ้าผลลัพธ์อัตราส่วนที่ได้>ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม= ความสามารถชำระดอกเบี้ยค่อนข้างดีการศึกษาและวิเคราะห์โครงการลงทุน
-ระยะเวลาคืนทุน
-มูลค่าปัจจุบันสุทธิ
-อัตราผลตอบแทนจากโครงการลงทุนระยะเวลาคืนทุน (Payback Period)
-ระยะเวลาที่ผู้ลงทุนจะได้รับจำนวนเงินกลับคืนเท่ากับกระแสเงินสดลงทุน(จะต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะได้รับคืนทุน)
ข้อดี
ระยะเวลาคืนทุน
-เน้นผลตอบแทนและต้นทุนของโครงการลงทุนที่เกิดขึ้นในเวลาที่แท้จริงเนื่องจากใช้กระแสเงินสด
-เป็นเครื่องมือในการคัดสรรโครงการลงทุนที่น่าสนใจ
ข้อเสีย
-ไม่ได้คำนึงถึงแนวความคิดเกี่ยวกับมูลค่าเงินตามเวลา
-ไม่สนใจว่ากระแสเงินสดรับหลังจากคืนทุนแล้วจะเป็นอย่างไร
มูลค่าปัจจุบันสุทธิ
(Net
Present Value : NPV)
= มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับหลังภาษีของโครงการลงทุน
– กระแสเงินสด จ่ายลงทุน
NPVของโครงการลงทุน
>0 = ยอมรับโครงการ
NPVของโครงการลงทุน
<0>
ข้อดี – NPV
-เป็นการคิดจากกระแสเงินสดมากกว่ากำไรทางบัญชีที่จะสะท้อนให้เห็นเวลาที่แท้จริงของผลตอบแทนที่ได้รับจากโครงการ
-สามารถเปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนจากโครงการลงทุนกับเงินลงทุนได้อย่างมีเหตุผล
-การตัดสินใจเลือกโครงการจะพิจารณาโครงการลงทุนที่มีค่า NPV เป็นบวก
ข้อเสีย - NPV
-อาจมีความผิดพลาดในการประมาณการข้อมูลที่ต้องใช้รายละเอียดของการประมาณการกระแสเงินสดของโครงการลงทุน
อัตราผลตอบแทนจากโครงการ
ลงทุน(Internal
Rate of Return / IRR)
IRR - อัตราส่วนลดที่ทำให้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับหลังภาษี
ของโครงการ เท่ากับ กระแสเงินสดจ่าย
IRR >อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ- ลงทุน
IRR <อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ- ไม่ลงทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น